ฝ้าแบบไหน รักษาอย่างไร รู้จักฝ้า 4 ประเภท พร้อมวิธีรักษา

ฝ้า เป็นปัญหาผิวหน้าที่พบบ่อยในคนไทย โดยเฉพาะผู้หญิง มักเกิดบริเวณใบหน้า ลำคอ หน้าอก แขน โดยฝ้าเกิดจากการกระจุกตัวของเม็ดสีเมลานิน ส่งผลให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สม่ำเสมอ การรักษาฝ้าให้ได้ผลดีนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของฝ้า บทความนี้ จะพาทุกท่านไปรู้จักกับฝ้า 4 ประเภท พร้อมสาเหตุและวิธีรักษาที่ตรงจุดกันครับ

ฝ้าแต่ละประเภท ต่างกันอย่างไร?

ฝ้า เป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อย มักเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะโหนกแก้ม หน้าผาก จมูก เหนือริมฝีปาก ฝ้ามีหลายประเภท แต่ละประเภทมีสาเหตุ ลักษณะ และวิธีรักษาที่แตกต่างกันไปครับ

ประเภทของฝ้า

• ฝ้าตื้น (Epidermal Melasma): เกิดขึ้นบริเวณชั้นหนังกำพร้า ชั้นนอกสุดของผิวหนัง ลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลเข้ม ขอบชัดเจน มักพบได้บริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก จมูก เหนือริมฝีปาก สาเหตุหลักของฝ้าตื้นคือแสงแดด ฮอร์โมนเพศหญิง ยาบางชนิด พันธุกรรม
• ฝ้าลึก (Dermal Melasma): เกิดขึ้นบริเวณชั้นหนังแท้ใต้ชั้นหนังกำพร้า ลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลอ่อน สีม่วงคล้ำ หรือสีเทาอมฟ้า บริเวณที่เกิดฝ้านั้นไม่ชัดเจน มักพบได้บริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก จมูก สาเหตุหลักของฝ้าลึกคือฮอร์โมนเพศหญิง พันธุกรรม ความผิดปกติของหลอดเลือด
• ฝ้าผสม (Mixed Melasma): เกิดจากการรวมตัวกันของฝ้าตื้นและฝ้าลึก ลักษณะมีปื้นสีน้ำตาลเข้ม มักพบได้บริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก จมูก เหนือริมฝีปาก สาเหตุของฝ้าผสมมาจากหลายปัจจัย เช่น แสงแดด ฮอร์โมนเพศหญิง พันธุกรรม ความผิดปกติของหลอดเลือด
• ฝ้าเลือด (Vascular Melasma): เกิดจากเส้นเลือดฝอยขยายตัว ลักษณะมีเส้นเลือดฝอยสีแดงปรากฏบนผิวหน้า มักพบได้บริเวณโหนกแก้ม สันจมูก และหน้าผาก สาเหตุหลักของฝ้าเลือดคือแสงแดด ความร้อน พันธุกรรม

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของฝ้าแต่ละประเภท

ปกป้องผิวหน้าจากฝ้า ด้วยวิธีง่ายๆ

การปกป้องผิวหน้าจากฝ้าทำได้หลายวิธี แต่การป้องกันไม่ให้ฝ้าผุดขึ้นมาใหม่นั้นดีที่สุด นี่คือ 10 วิธีปกป้องผิวหน้าจากฝ้า ที่ทุกคนสามารถทำได้

1. หลีกเลี่ยงแสงแดด
แสงแดดเป็นสาเหตุหลักของฝ้า ดังนั้นการป้องกันแสงแดดจึงเป็นวิธีที่สำคัญที่สุดในการป้องกันฝ้า ควรทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป และครีมทาฝ้าเป็นประจำทุกวัน ควรสวมหมวก กางร่ม เมื่อต้องออกแดด

2. ทาครีมทาฝ้า
ทาครีมทาฝ้าที่มีส่วนผสมของ Hydroquinone, Kojic Acid, Arbutin, Azelaic Acid เพื่อยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส ลดการผลิตเม็ดสีเมลานิน

3. ทาครีมกันแดด
ทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป เป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันแสงแดดซึ่งเป็นสาเหตุหลักของฝ้า

4. ทานอาหารที่มีประโยชน์
การทานอาหารที่มีประโยชน์ อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน จะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องผิวจากรังสียูวี ลดความเสี่ยงในการเกิดฝ้า

5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว จะช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้น เรียบเนียน ลดความหมองคล้ำ ลดความเสี่ยงในการเกิดฝ้า

6. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน จะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเอง ผิวหน้าสดใส ลดความหมองคล้ำ

7. หลีกเลี่ยงความเครียด
ความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดฝ้า ควรหาเวลาผ่อนคลาย ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ เพื่อลดความเครียด

8. งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ มีริ้วรอย

9. ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
หากมีปัญหาฝ้า ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสม

10. การรักษาด้วยยา
แพทย์อาจสั่งยาทานหรือทาเพื่อลดการอักเสบของเส้นเลือดฝอย ในกรณีของฝ้าเลือด

การป้องกันฝ้าทำได้ง่ายๆ เพียงใส่ใจดูแลตัวเอง ทาครีมกันแดดและครีมทาฝ้า ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียด งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ก็สามารถปกป้องผิวหน้าจากฝ้าได้แล้วแต่หากต้องการปกป้องผิวหน้าจากฝ้าเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น เราขอแนะนำ CHU’O Double Lifting Perfect ช่วยลดเลือนริ้วรอย ฝ้า กระ ผิวกระชับ เติมความฉ่ำวาวให้ผิวหน้า ครบ จบ ในที่เดียวครับ

สามารถสั่งซื้อได้ที่
Website : https://tel2telltvshopping.com/product/chuo-double-lifting-perfect-4/
Line : https://lin.ee/rwm4xJa
Tel : 02-113-1234