ต่อมลูกหมากโต vs ต่อมลูกหมากอักเสบ ความต่าง วิธีรักษา

ต่อมลูกหมากเป็นอวัยวะที่อยู่ใต้กระเพาะปัสสาวะและล้อมรอบท่อปัสสาวะในเพศชาย ทำหน้าที่ผลิตของเหลวที่เป็นส่วนหนึ่งของน้ำอสุจิ โรคที่พบบ่อยในต่อมลูกหมาก ได้แก่ ต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia, BPH) และต่อมลูกหมากอักเสบ (Prostatitis) ทั้งสองโรคนี้มีอาการที่คล้ายกัน แต่มีสาเหตุและการรักษาที่แตกต่างกัน การแยกแยะระหว่างสองโรคนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ Tel2tell จะพาคุณไปสำรวจความแตกต่างระหว่างต่อมลูกหมากโตและต่อมลูกหมากอักเสบ ทั้งในด้านสาเหตุ อาการ การวินิจฉัย และวิธีการรักษา ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันที่สาเหตุกันก่อนเลยครับ

สาเหตุ

ต่อมลูกหมากโต (BPH) เกิดจากการเจริญเติบโตของเซลล์ในต่อมลูกหมาก ซึ่งเป็นกระบวนการธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ชายมีอายุมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเริ่มพบในชายอายุ 40 ปีขึ้นไป ฮอร์โมนเพศชายที่เรียกว่าแอนโดรเจนมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการเติบโตนี้ หากกระตุ้นมากไปจะเกิดอาการต่อมลูกหมากโต

ต่อมลูกหมากอักเสบ (Prostatitis) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือการบาดเจ็บในบริเวณต่อมลูกหมาก บางครั้งอาจเกิดจากการระคายเคืองโดยไม่มีการติดเชื้อ สาเหตุอื่นๆ อาจรวมถึงความเครียดและปัจจัยทางพันธุกรรม เหล่านี้ ล้วงมีส่วนทำให้เกิดอาการต่อมลูกหมากอักเสบ

อาการ

ต่อมลูกหมากโต (BPH) อาการหลักๆ ได้แก่ ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะในเวลากลางคืน ปัสสาวะไหลช้า รู้สึกไม่สบายเวลาปัสสาวะ และรู้สึกว่าปัสสาวะไม่หมด อาการเหล่านี้เกิดจากการที่ต่อมลูกหมากโตเกินไปจึงขยายใหญ่และกดทับท่อปัสสาวะ
ต่อมลูกหมากอักเสบ (Prostatitis) อาการที่พบได้แก่ ปวดหรือแสบเวลาปัสสาวะ ปวดท้องน้อย ปวดหลังล่าง มีอาการหนาวสั่นและไข้ และมีความผิดปกติในการหลั่งน้ำอสุจิ อาการเหล่านี้เกิดจากต่อมลูกหมากอักเสบ

ปัจจัยเสี่ยง

ต่อมลูกหมากโต (BPH)

• อายุ: ผู้ชายที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปมีความเสี่ยงสูงที่จะมีต่อมลูกหมากโต
• ประวัติครอบครัว: หากมีญาติที่เป็นโรคนี้ ความเสี่ยงในการเป็นโรคก็จะสูงขึ้น
• โรคเรื้อรัง: โรคเบาหวานและโรคหัวใจมีความสัมพันธ์กับการเกิดต่อมลูกหมากโต
• วิถีชีวิต: การขาดการออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงสามารถเพิ่มความเสี่ยงได้

ต่อมลูกหมากอักเสบ (Prostatitis)

• การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ: ผู้ที่มีการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดต่อมลูกหมากอักเสบ
• การบาดเจ็บหรือการระคายเคือง: การขี่จักรยานเป็นเวลานานหรือการนั่งนานๆ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในบริเวณต่อมลูกหมากและอาจเกิดอาการต่อมลูกหมากอักเสบได้
• ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการอักเสบ

การวินิจฉัย

ต่อมลูกหมากโต (BPH) แพทย์จะทำการตรวจทางกายภาพ เช่น การตรวจทางทวารหนัก (DRE) เพื่อประเมินขนาดของต่อมลูกหมาก นอกจากนี้ยังอาจใช้การตรวจด้วยอัลตราซาวนด์หรือการตรวจปัสสาวะเพื่อช่วยในการวินิจฉัย
ต่อมลูกหมากอักเสบ (Prostatitis) แพทย์จะตรวจปัสสาวะและน้ำอสุจิเพื่อหาแบคทีเรียหรือการติดเชื้อ การตรวจด้วยอัลตราซาวนด์หรือการส่องกล้องอาจใช้เพื่อดูการอักเสบและตรวจสอบสภาพของต่อมลูกหมาก

การรักษา

ต่อมลูกหมากโต (BPH) การรักษาเริ่มต้นจากการใช้ยาเพื่อลดอาการ เช่น ยาลดขนาดต่อมลูกหมาก (5-alpha reductase inhibitors) และยาคลายกล้ามเนื้อของท่อปัสสาวะ (alpha blockers) หากอาการไม่ดีขึ้น อาจต้องพิจารณาในเรื่องของการผ่าตัดต่อมลูกหมาก
ต่อมลูกหมากอักเสบ (Prostatitis) การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุ หากเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ การรักษาอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน สำหรับการอักเสบที่ไม่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ อาจใช้ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ และการทำกายภาพบำบัดแทน

ต่อมลูกหมากอักเสบและต่อมลูกหมากโตเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย แต่หลายคนไม่ค่อยให้ความสำคัญหรือไม่ทันสังเกตกับอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น การสังเกตอาการ ปรึกษาแพทย์เมื่อพบความผิดปกติ และการรักษาอย่างเหมาะสม เป็นสิ่งที่ควรกระทำ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หากใครอ่านบทความจบแล้ว และยังกังวลเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก อย่าละเลย เรามีผลิตภัณฑ์ดีๆมาแนะนำ M-max อาหารเสริมสำหรับผู้ชาย ช่วยบำรุงร่างกาย และลดโอกาสเป็นต่อมลูกหมากอักเสบและต่อมลูกหมากโต มีไว้อุ่นใจกว่าแน่นอน โปรโมชั่นพิเศษตอนนี้ ซื้อ 2 กล่อง แถมของฟรีอีก 2 ชิ้น ในราคาเพียงแค่ 990 บาทเท่านั้น สนใจสั่งซื้อได้ที่

Shopee: คลิกที่นี่
Line me shop: คลิกที่นี่
Website: คลิกที่นี่